หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จิตวิทยาของสี



สีที่แตกต่างกันส่งผลต่ออารมณ์ของคุณไหม?
ทำไมคนเราจึงรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าในห้องสีเขียว?
ทำไมนักยกน้ำหนักจึงยกได้ดีที่สุดในโรงยิมสีน้ำเงิน?
สีต่างๆ มักจะมีความหมายต่างกันออกไปในหลายวัฒนธรรม และแม้แต่ในสังคมตะวันตก ความหมายของสีต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกา นักวิจัยคนคว้าได้ค้นพบความถูกต้องแม่นยำที่สีแต่ละสีมีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ดังต่อไปนี้ดำ

สีดำคือสีแห่งการควบคุมและพลังอำนาจ เป็นสีที่นิยมกันในวงการแฟชั่นเพราะมันทำให้ผู้สวมใส่ดูผอมบางขึ้น มันยังดูสง่าและไม่ตกยุค สีดำยังหมายถึงการยอมจำนน ยอมรับอย่างสงบ สีดำเป็นเครื่องหมายแห่งการยอมจำนนต่อพระเจ้า ผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นบางคนบอกว่าผู้หญิงที่สวมชุดดำแสดงออกถึงการยอมจำนนต่อผู้ชาย ชุดสีดำยังสามารถทำให้มีอำนาจเหนือกว่า หรือทำให้ผู้สวมดูแปลกแยกและชั่วร้าย ตัวร้าย เช่นแดรกคิวล่าก็สวมชุดดำ

ขาว

เจ้าสาวสวมชุดสีขาวเพื่อเป็นเครื่องหมายของความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา สีขาวสะท้อนแสงและถือว่าเป็นสีแห่งฤดูร้อน สีขาวเป็นที่นิยมในการตกแต่งและอยู่ในสมัยนิยมเพราะมันสว่าง เป็นกลาง และเข้ากับทุกสิ่งทุกอย่างได้ อย่างไรก็ตาม สีขาวทำให้มองเห็นความสกปรกได้มันจึงรักษาให้สะอาดได้ยากกว่าสีอื่นๆ แพทย์และพยาบาลสวมชุดสีขาวเพื่อแสดงถึงความสะอาดปราศจากเชื้อโรค

แดง

เป็นสีที่ให้ความรู้สึกแรงกล้ามากที่สุด สีแดงกระตุ้นให้หัวใจเต้นและหายใจเร็วขึ้น มันยังเป็นสีแห่งความรักอีกด้วย เสื้อผ้าสีแดงทำให้เป็นจุดสนใจและทำให้ผู้สวมใส่ดูมีน้ำหนักมากขึ้น และเพราะมันเป็นสีที่สุดโต่ง เสื้อผ้าสีแดงอาจไม่ช่วยใครในการเจรจาต่อรองหรือการเผชิญหน้ากัน

รถสีแดงเป็นเป้าที่โจรนิยมขโมย ในการตกแต่ง สีแดงมักถูกใช้เพื่อเป็นการเน้นหนัก นักตกแต่งกล่าวว่าเฟอร์นิเจอร์สีแดงมีความสมบูรณ์แบบเพราะมันจะดึงดูดความสนใจ

ชมพู

สีชมพูเป็นสีแห่งความโรแมนติกมากที่สุด มันเป็นสีที่ทำให้เกิดความสงบได้มากกว่า ในการแข่งขันกีฬาแบบเหย้า-เยือน ทีมเหย้าจะทาสีห้องพักเปลี่ยนชุดของทีมเยือนด้วยสีชมพูสว่างเพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกอ่อนกำลังลง

น้ำเงิน

เป็นสีแห่งท้องฟ้าและมหาสมุทร สีน้ำเงินเป็นสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอีกสีหนึ่ง มีส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกับสีแดง สีน้ำเงินที่สงบเยือกเย็นทำให้ร่างกายผลิตสารเคมีที่ทำให้อารมณ์สงบลงได้ มันจึงมักจะถูกใช้ในห้องนอน สีน้ำเงินยังอาจเป็นสีแห่งความเย็นชาและทำให้ใจห่อเหี่ยวได้ด้วย ผู้ให้คำปรึกษาด้านแฟชั่นแนะนำให้สวมชุดสีน้ำเงินไปในการสัมภาษณ์งานเพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์จงรักภักดี คนเราทำงานได้ดีในห้องสีน้ำเงิน จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า นักยกน้ำหนักสามารถยกได้หนักขึ้นในห้องสีน้ำเงิน

เขียว

เป็นสีที่ได้รับความนิยมมากสุดสำหรับการตกแต่งในปัจจุบัน สีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ มันเป็นสีที่สบายตาที่สุดและสามารถทำให้การมองเห็นดีขึ้นได้ มันเป็นสีที่สงบสดชื่น คนที่จะออกรายการทีวีมักนักพักผ่อนใน "ห้องสีเขียว" โรงพยาบาลมักจะใช้สีเขียวเพราะมันช่วยให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลาย เจ้าสาวในวัยกลางคนจะสวมชุดสีเขียวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ สีเขียวเข้มเป็นสีแห่งบุรุษเพศ เจ้าระเบียบ และแสดงถึงความมั่งคั่ง

เหลือง

สีเหลืองสดใสคือสีที่ได้ดึงดูดความสนใจ ในขณะที่มันถือว่าเป็นสีแห่งการมองโลกในแง่ดี แต่คนเราจะเสียอารมณ์ได้ง่ายขึ้นในห้องสีเหลือง และทารกก็ร้องไห้มากกว่าด้วย

มันเป็นสีที่สายตาจ้องมองได้ยากมากที่สุด มันจึงเป็นสีที่จางได้ถ้าใช้บ่อยๆ สีเหลืองทำให้เกิดสมาธิ เพิ่มความระมัดระวัง ดังนั้นมันจึงถูกนำมาใช้สำหรับสัญญาณเตือนภัยและไฟจราจร ทำให้ลดความเร็วลงด้วย

สีม่วง

สีแห่งราชตระกูล สีม่วงจึงมีความหมายบ่งบอกถึงความหรูหรา มั่งคั่ง และชวนให้เสียคน มันยังเป็นความเป็นหญิงและโรแมนติก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันเป็นสีที่หาได้ยากในธรรมชาติ สีม่วงจึงสามารถแสดงออกถึงความจอมปลอมได้ด้วย

น้ำตาล

สีน้ำตาลแห่งความมั่นคง แน่วแน่ เป็นสีของพื้นดินและความอุดมสมบูรณ์ในธรรมชาติ สีน้ำตาลอ่อนแสดงถึงความแท้จริง ในขณะทีสีน้ำตาลเข้มหมายถึงไม้หรือหนัง สีน้ำตาลยังสามารถเป็นสีแห่งความเศร้าและโหยหาได้ด้วย ผู้ชายมักจะบอกว่าสีน้ำตาลเป็นสีที่พวกเขาโปรดปรานมากที่สุด


Source : www.tebyan.net

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


ออกแบบของเล่นสำหรับฝึกพัฒนาการเด็กอายุ 3-6 ขวบ : โรงเรียนสาธิตมหาหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม พ.ศ. 2555

ศึกษาเรื่องที่ชอบและสนใจ
Ø  ศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กก่อนเข้าเรียนว่ามีพัฒนาการในการเรียนรู้มาก น้อยแค่ไหน แล้วเราจะสามารถสอนเขาได้อย่างไร
·         พัฒนาการของเด็กวัย 3 – 5 ปี มีความสำคัญแก่ชีวิต เพราะเป็นการวางรากฐานให้แก่เด็ก เพื่อให้เด็กเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ วัยนี้เป็นวัยที่มีพัฒนาการทุกด้านเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านสมอง ซึ่งเจริญประมาณ 80 % ของชีวิต ดังนี้นพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูจึงต้องเข้าใจพัฒนาการของเด็กและสามารถจัดการเลี้ยงดูให้เหมะสม เด็กจึงจะสามารถพัฒนาความสามารถของตนได้อย่างเต็มที่
·         เมื่อเด็กอายุเข้าขวบปีที่ 3 เด็กจะมีพัฒนาการด้านต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปมาก ลักษณะทางด้าน ร่างกายแบบทารกที่มีรูปร่างอ้วนกลมจะค่อยๆ หายไป เด็กจะเริ่มมีรูปร่างผอมและแขนขายาวขึ้น เด็กวัยนี้จึงมีการ เคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วและเข็งแรงมากขึ้น เด็กสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของตนในด้านต่างๆ และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ เด็กวัยนี้มีความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งต่างๆ รอบตัวเขา พูดได้มากขึ้น สนใจในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล รู้ถึงความแตกต่างระหว่างเพศหญิงและเพศชาย วัยนี้เด็ก มีอารมณ์รุนแรง เอาแต่ใจตัว เริ่มรู้จักอิจฉาน้องหรือคนอื่น ผู้เลี้ยงดูเด็กควรสอนและเป็นแบบอย่าง ในการ แสดงออกของอารมณ์และการหาทางออกที่เหมาะสม ควรตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก และส่งเสริม พัฒนาการทุกด้านของเด็ก เพื่อให้เด็กมีบุคลิกลักษณะพิเศษของแต่ละคน หรือที่เรียกว่า บุคลิกภาพ และพร้อม ที่จะออกสู่สังคมนอกบ้าน ช่วงวัยนี้เป็นเวลาที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่ง เพราะเป็นระยะที่เด็กเรียนรู้มากที่สุดในชีวิต เด็กจะเป็นคนอย่างไรในอนาคตนั้นขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูในช่วงปฐมวัย และจะเปลี่ยนแปลงได้ยากเมื่อเจริญเติบโต ขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ผู้เลี้ยงดูเด็กจึงควรรู้ในเรื่อง

1. พัฒนาการด้านร่างกายและการเจริญเติบโต
2. พัฒนาการด้านจิตใจ อารมณ์
3. พัฒนาการด้านสังคม
4. พัฒนาการด้านสติปัญญา
Ø  พัฒนาการและจิตวิทยาเด็กอายุ 3-5 ปี
·         เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความคิดและความเข้าใจของเด็ก ซึ่ง สามารถพัฒนาให้เพิ่มมากขึ้นด้วยการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม และการจัดกิจกรรมที่เหมาะสม เด็กวัย 3-5 ปี จะเรียนรู้ด้าน คำศัพท์และภาษามากขึ้น เด็กวัยนี้ช่างซักถาม อยากรู้ อยาก เห็น เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากการกระทำและการใช้ประสาทสัมผัส ของเด็ก คือ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง มีความคิดและเหตุผล ที่ยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเด็กต้องเรียนรู้จากของจริง พ่อแม่หรือ ผู้เลี้ยงดูเด็ก ต้องพยายามให้เด็กได้ลงมือทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยตนเอง เพื่อให้เด็กพัฒนาการคิดและการแก้ปัญหา
Ø  การเจริญเติบโตและพัฒนาการด้านร่างกายของเด็กอายุ 3 – 5 ปี
·         พัฒนาการด้านร่างกายของเด็กวัยนี้เป็นไปอย่าง รวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องความสูงและน้ำหนัก การเพิ่มของ น้ำหนักเกิดจากการเจริญเติบโตของกระดูกและกล้ามเนื้อ ในตอนต้นของวัยนี้ สัดส่วนของร่างกายเปลี่ยนแปลงใกล้ เคียงกับผู้ใหญ่มากขึ้น กล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคลื่อนไหวดี ขึ้น เด็กจึงชอบวิ่ง กระโดด ไม่หยุดนิ่ง ชอบเล่น กระโดด 2 เท้า คล่องขึ้นการหยิบจับและการช่วยเหลือตนเอง สามารถควบคุมและบังคับการทรงตัวได้ดี ทำให้เด็กวัยนี้ พร้อมที่จะทำกิจกรรมเกี่ยวกับการออกกลัง การเล่นกลางแจ้ง การใช้มือก็มีความละเอียดขึ้น เด็กสามารถแต่งตัวเองได้ หวี ผม แปรงฟันได้เอง และสามารถช่วยทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้
Ø  พัฒนาการการเล่นของเด็ก 2-3 ปี
Ø  การเลือกของเล่นให้เด็กเป็นสิ่งสำคัญควรจะต้องคำนึงถึงระดับอายุ และความชอบของเด็ก ของเล่นบางชนิดอาจจะเหมาะกับเด็กคนหนึ่ง แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับเด็กอื่น เด็กส่วนใหญ่จะไม่สนใจของเล่นที่ยากเกินไป ฉะนั้นการเลือกของเล่นจึงควรเริ่มต้นจากของเล่นง่ายๆ ค่อยเปลี่ยนเป็นยากขึ้น โดยไม่ทำให้เด็กรู้สึกขาดความมั่นใจ พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะซื้อของเล่นที่ยากเกินไปสำหรับเด็กที่เริ่มเล่น ซึ่งทำให้เด็กตื่นเต้นในของใหม่ได้ไม่นาน ดีที่สุดควรเลือกต่ำกว่าอายุเล็กน้อย
Ø  ในขณะที่เด็กเล่น เด็กจะต้องผ่านการรับรู้ข้อมูลต่างๆ อาทิ เช่น สิ่งที่อยู่รอบตัวเด็ก เช่น การเอาแท่งไม้มาต่อให้เป็นรูปตึก เด็กเรียนรู้ไปพร้อมกันว่า เขาจำเป็นต้องเลือกแท่งไม้ชนิดใดๆ จะสร้างรูปแบบ อย่างไร จะต้องจะต้องเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดๆ ทำอย่างไรจึงจะควบคุมให้มือเคลื่อนไหวได้เบาทีสุด เพื่อที่หอคอยจะได้ไม่ล้มทลายลงมา การเคลื่อนไหวสายตาไปทางซ้ายหรือขวา จะสามารถบอกให้เด็กรู้ว่าเขาควรจะวางแท่งไม้อย่างไร จึงจะสมดุลเพื่อให้ได้หอคอยสูงที่สุด ถ้าวางไม่ตรงจะเกิดอะไรขึ้น หรือถ้าดึงเอาก้อนไม้ที่อยู่ชั้นล่างสุดออกมาจากหอคอยจะเป็นอย่างไร แต่ละขั้นตอนล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทักษะในหลายๆ ด้านและเป็นพื้นฐานเพื่อก้าวไปสู่วัยเรียนในเวลาต่อมา
Ø  เนื่องจากการเล่นเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการในเด็ก ผู้ใหญ่จึงควรให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วยการสอนให้เด็กรู้จัดเล่น นอกจากช่วยให้เด็กสนุกสนานกับการเล่นแล้ว ยังช่วยในการพัฒนาด้านภาษา ทำให้เด็กรู้จักใช้จิตนาการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนเรียนรู้การสัมพันธ์กับผู้อื่นนอกเหนือจากบุคคลในครอบครัว เป็นการเสริมสร้างทักษะทางสังคมซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ชีวิตร่วมกัน เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการปรับตัว ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า

ประเดนของปัญหา
ราคาค่าอุปกรณ์
ขั้นตอนในการเรียบเรียง
การเข้าเล่มรูปแบบของการเล่น

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หัวข้องานวิจัย

1. ออกแบบหนังสือฝึกทักษะสำหรับเด็กอายุ 3-6 ขวบ : โรงเรียนสาธิตมหาหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม พ.ศ. 2555
2. ออกแบบหนังสือ ABC ฝึกทักษะสำหรับเด็กอายุ 3-6 ขวบ : โรงเรียนสาธิตมหาหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม พ.ศ. 2555
3. ออกแบบหนังสือศิลปะฝึกทักษะสำหรับเด็กอายุ 3-6 ขวบ : โรงเรียนสาธิตมหาหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม พ.ศ. 2555
4. ออกแบบของเล่นสำหรับฝึกพัฒนาการเด็กอายุ 3-6 ขวบ : โรงเรียนสาธิตมหาหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม พ.ศ. 2555
5. ออกแบบเว็บฝึกทักษะสำหรับเด็กอายุ 3-6 ขวบ : โรงเรียนสาธิตมหาหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม พ.ศ. 2555

เรื่องที่สนใจเกี่ยวกับงานวิจัย

ความถนัด
      - ด้านคอมพิวเตอร์กราฟิก

ความสนใจ
      - ทำหนังสือฝึกทักษะเด็กก่อนเข้าเรียน เพราะพัฒนาการของเด็กก่อนวัยเรียนนั้นสำคัญมากเลยจึงอยากจะศึกษาแล้วรวบรวมทำเป็นรูปเล่มขึ้นมา

ศึกษาเรื่องที่ชอบและสนใจ
      - ศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กก่อนเข้าเรียนว่ามีพัฒนาการในการเรียนรู้มาก น้อยแค่ไหน แล้วเราจะสามารถสอนเขาได้อย่างไร
      - เราจาฝึกทักษะเขาได้อย่างไร และเด็กสนใจในเรื่องไหน
      - การเล่น เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กช่วยให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ รู้จักพลิกแพลงทำให้เกิดความสมดุลย์ และเรียนรู้ว่าควรจะแสดงอย่างไร ถ้าจะต้องกระทบกระทั่งกับผู้อื่น การเล่น สามารถดึงเด็กไว้ได้นานๆ สามารถขยายจินตนาการให้กว้างไหลออกไป ขณะเด็กเล่นมองดูเหมือนเด็กวุ่นอยู่กับงาน และมีความสุขไม่ต้องการความสนใจจากใครทั้งสิ้น พ่อแม่สามารถมีเวลาเป็นของตนเอง เด็กบางคนที่ขาดทักษะด้านนี้เพราะไม่เคยเรียนรู้วิธีการเล่น จึงจำเป็นที่จะต้องให้เด็กสามารถเรียนรู้ เพื่อที่เขาจะได้รู้จักใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่น ๆ
      - เด็กเล็กส่วนใหญ่จะเล่นอยู่กับตนเองจนกว่าจะเข้าขวบปีสองที่เริ่มเข้าหาผู้อื่น อายุระหว่าง 2-3 ปี เริ่มต้นตอบสนองการเล่นกับผู้อื่นและเริ่มเล่นด้วยกันมากขึ้น เด็กโตเรียนรู้การทำสิ่งต่าง ๆ ร่วมกับผู้อื่นโดยผ่านการเล่น เรียนรู้การให้การเป็นผู้นำและผู้ตาม เรียนรู้ความเป็นมิตร และการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองในขณะที่เล่น
      - เด็กที่ไม่เคยเล่นกับคนอื่นเพราะเป็นลูกคนเดียว อาจพอใจที่จะเล่นกับผู้ใหญ่ และไม่ยอมสัมพันธ์กับเด็กอื่น เนิ่องจากพอใจกับการได้รับความสนใจกับการได้รับความสนใจจากผู้ใหญ่ ทั้งในแง่คำชม การกอดรัดและสัมผัสต่างๆ จึงทำให้ยากต่อการสอนให้เด็กหันไปสนใจเล่นกับเด็กอื่น แต่ผู้ใหญ่จะต้องพยายามฝึกสอน การเริ่มต้นสอนให้เด็กรู้จักเล่นกับผู้อื่นควรเริ่มต้นจากญาติพี่น้อง หรือเพื่อนบ้านวัยใกล้เคียงกัน หาของเล่นที่เหมาะสม เช่น ไม้กระดก เกมต่างๆ ซึ่งต้องการผู้เล่นมากกว่า 1 คน เช่น งูไต่บันได เกมบอล ฯลฯ แต่จะต้องเป็นของเล่นที่สามารถทำให้เด็กสนุกสนานได้เต็มที่ และจากจุดนี้จึงจะค่อยๆ นำไปสู่การเล่นเป็นกลุ่มมากขึ้น การช่วยกันต่อภาพโดยแบ่งชิ้นส่วนให้เด็กคนละครึ่งส่วน ทำให้เด็กสนุกกับการช่วยกันต่อภาพ มากกว่าจะสนใจว่าต้องมีคน 2 คนช่วยกัน
       - เด็กที่ไม่เคยสัมพันธ์กับผู้อื่นมาก่อนไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กด้วยกัน ถ้าเราต้องการสอนให้เด็กเล่น ควรเริ่มจากการเล่นที่ง่ายๆ เช่น การล้อลูกบอลไปมาระหว่างกัน การนั่งโยกไม้กระดกกับคนอื่นที่นั่งอยู่คนละด้าน การเล่นประเภทนี้มักประกอบด้วย ความร่วมมือกัน 2 คนโดยมีเด็กเป็นผู้ช่วย การที่เด็กเกิดความสนุกสนานในการเล่น จะเป็นแรงเสริมกระตุ้นให้เด็กอยากเล่นต่อไป ถ้าหากการเล่นสามารถดำเนินต่อไปได้ การสัมพันธ์กับคนอื่นก็จะดำเนินควบคู่ไปด้วย
       - การเลือกของเล่นให้เด็กเป็นสิ่งสำคัญควรจะต้องคำนึงถึงระดับอายุ และความชอบของเด็ก ของเล่นบางชนิดอาจจะเหมาะกับเด็กคนหนึ่ง แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับเด็กอื่น เด็กส่วนใหญ่จะไม่สนใจของเล่นที่ยากเกินไป ฉะนั้นการเลือกของเล่นจึงควรเริ่มต้นจากของเล่นง่ายๆ ค่อยเปลี่ยนเป็นยากขึ้น โดยไม่ทำให้เด็กรู้สึกขาดความมั่นใจ พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะซื้อของเล่นที่ยากเกินไปสำหรับเด็กที่เริ่มเล่น ซึ่งทำให้เด็กตื่นเต้นในของใหม่ได้ไม่นาน ดีที่สุดควรเลือกต่ำกว่าอายุเล็กน้อย
        - ในขณะที่เด็กเล่น เด็กจะต้องผ่านการรับรู้ข้อมูลต่างๆ อาทิ เช่น สิ่งที่อยู่รอบตัวเด็ก เช่น การเอาแท่งไม้มาต่อให้เป็นรูปตึก เด็กเรียนรู้ไปพร้อมกันว่า เขาจำเป็นต้องเลือกแท่งไม้ชนิดใดๆ จะสร้างรูปแบบ อย่างไร จะต้องจะต้องเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดๆ ทำอย่างไรจึงจะควบคุมให้มือเคลื่อนไหวได้เบาทีสุด เพื่อที่หอคอยจะได้ไม่ล้มทลายลงมา การเคลื่อนไหวสายตาไปทางซ้ายหรือขวา จะสามารถบอกให้เด็กรู้ว่าเขาควรจะวางแท่งไม้อย่างไร จึงจะสมดุลย์เพื่อให้ได้หอคอยสูงที่สุด ถ้าวางไม่ตรงจะเกิดอะไรขึ้น หรือถ้าดึงเอาก้อนไม้ที่อยู่ชั้นล่างสุดออกมาจากหอคอยจะเป็นอย่างไร แต่ละขั้นตอนล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทักษะในหลายๆ ด้านและเป็นพื้นฐานเพื่อก้าวไปสู่วัยเรียนในเวลาต่อมา
       - เนื่องจากการเล่นเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการในเด็ก ผู้ใหญ่จึงควรให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วยการสอนให้เด็กรู้จัดเล่น นอกจากช่วยให้เด็กสนุกสนานกับการเล่นแล้ว ยังช่วยในการพัฒนาด้านภาษา ทำให้เด็กรู้จักใช้จิตนาการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนเรียนรู้การสัมพันธ์กับผู้อื่นนอกเหนือจากบุคคลในครอบครัว เป็นการเสริมสร้างทักษะทางสังคมซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ชีวิตร่วมกัน เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการปรับตัว ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า

ประเดนของปัญหา
       - ราคาในการเข้าเล่ม
       - ขั้นตอนในการเรียบเรียง
       - การเข้าเล่ม